ภายใต้สภาพแวดล้อมของสังคมปัจจุบันยุคโควิคภิวัฒน์ การดำเนินชีวิตในวิถีชีวิตใหม่ การสื่อสารเป็นสิ่งจำเป็นมากในสังคมระหว่างกันในครอบครัว จากครอบครัวสู่ชุมชน ที่ทำงาน สังคมหมู่ใหญ่ ความเจริญของเทคโนโลยีดิจิตัล ทำให้เกิดเครื่องมือสื่อสารก้าวล้ำทันสมัย Line IG Facebook แอพลิเคชัน ต่าง ๆ การใช้เครื่องมือสื่อสารได้ดึงความสนใจ ทำให้ผู้สื่อสารและผู้รับสารขาดความใส่ใจ ตั้งใจด้วยใจแห่งรักและกรุณาระหว่างกัน ผลที่เกิดขึ้นทำให้ขาดความเข้าใจ ขาดความรู้สึกร่วม ครอบครัวเกิดความเข้าใจ ส่งผลต่อสังคมทำให้เกิดปัญหาครอบครัว ปัญหาสังคม เด็กเยาวชน ขาดคนเข้าใจ ทำให้ติดยาเสพติด ติดเกมส์ ติดเพื่อน เพื่อนในที่ทำงานขาดการให้กำลังใจ ทำให้เครียด ซึมเศร้า คนสูงวัย เกิดช่องว่างกับลูกหลาน ทำให้เหงา ซึมเศร้า
ถึงเวลากลับมาใส่ใจให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้มากที่สุด เพราะคนที่อยู่ตรงหน้า ในปัจจุบันขณะ คือคนที่สำคัญที่สุด ใส่ใจ ตั้งใจ สื่อสารปราศจากตัวตน ทิฏฐิ ความเห็นหรือความต้องการของตัวเอง พัฒนาการสื่อสารเป็นหนึ่งเดียวให้คุณค่าของมนุษย์เท่าเทียวกันด้วยความรัก ความเมตตาก่อนสื่อสารจะดีกว่ามัย?
Kindfulness Dialogue : สุนทรียสนทนา คือให้ความรักความเมตตาออกมาก่อนการสื่อสาร ให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ตรงหน้ามากที่สุด เป็นเทคนิคการสื่อสารด้วยใจอย่างลึกซึ้ง ในการสร้างสรรค์ทักษะความตระหนักรู้ ความรัก ความเมตตาใช้กับกระบวนการ Dialogue หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับปัจเจกบุคคล เป็นการสื่อสาร ด้วยใจตนเองที่เข้าถึงอารมณ์ในฐานะผู้รับและผู้ส่งสาร มีเคล็ดลับแตกต่างกันไปตามจุดมุ่งหมายเฉพาะ ในการพัฒนา ๔ ด้านคือ พัฒนากาย (พัฒนาตนเอง-Body)- พัฒนาศีล (พัฒนาสังคม-Moral)- พัฒนาจิต (พัฒนาอารมณ์-Mind) และพัฒนาปัญญา(Wisdom)
สุนทรียสนทนาจึงเป็นกระบวนการสื่อสารที่เริ่มด้วยใจแห่งรักและกรุณายอมรับสิ่งเร้าด้วยความรักและความเมตตา ตามขั้นตอนอย่างลึกซึ้งจากภายในผ่านการตั้งข้อสังเกต(Observe) สู่กระบวนการใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง (Contemplating) และการจัดการความคิดในหัวด้วยการห้อยแขวนสู่การปล่อยวาง (Letting go) และการเปลี่ยนแปลงสู่การเชื่อมโยงด้วยใจ Open mind และเปิดรับการสร้างสรรค์ทักษะ (Letting come) สำหรับ Pure Dialogue และ Applied Dialogue หรือ Discussion ถือเป็นกระบวนการที่สำคัญให้ทุกคนได้รู้จักตนเอง ทำความเข้าใจก่อนการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น
“การสื่อสารที่ทำให้รู้เท่าทันสภาพที่เกิดขึ้นใน กาย ใจ ชอบไม่ชอบ ทุกข์หรือสุข ในขณะปัจจุบัน ที่นี่ เดี๋ยวนี้โดยไม่ปรุงแต่งและการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงด้วยความรักความเมตตา” เป็นหัวใจของ Kindfulness หลักการของการสื่อสาร คือ การสื่อสารภายในกับตัวเอง การสื่อสารกับบุคคลตรงหน้า และบุคคลที่สามหรือในวงสนทนา “คนที่อยู่ตรงหน้า เป็นคนที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นปัจจุบันขณะ ” การให้ความเคารพ ความเท่าเทียมของบุคคล ศรัทธาว่ามนุษย์ทุกคนมีความดีในตนเอง ในฐานะผู้พูดและผู้ฟัง มีกายจิตสมดุลแห่งสายกลาง คลื่นสมอง Alpha wave ขณะที่พูดและฟัง ผู้พูดเป็นผู้รู้ที่ให้ความรัก ความเมตตา ก่อนให้ความรู้ และความตระหนักรู้ของผู้ฟัง ฟังอย่างตั้งใจใส่ใจ ย่อมสร้างความเข้าใจ ทำให้วงสนทนาเกิดประสิทธิภาพ ด้วยความเข้าใจแห่งปัญญาอันลึกซึ้ง ส่งผลต่อความสัมพันธ์ทุกองคาพยพ ความคิดสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อตนเพื่อสังคมคือเป้าหมายอันเป็นไปเพื่อการดำรงอยู่ของสังคมด้วยความสุขและความสำเร็จเกื้อกูลประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและโลก
ลองหลับตานึกภาพดูว่าหากการสื่อสารหรือกิจกรรมใด ๆ ที่เกิดจากการรับรู้ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และได้พัฒนาให้เกิดการตระหนักรู้ ณ ขณะปัจจุบัน จะทรงคุณค่าเป็นกระบวนการสร้างปัญญาทำให้การแสดงออกพฤติกรรมในสังคมสะท้อนผ่านกระบวนการกิจกรรม เกิดความคิดสร้างสรรค์จากประสบการณ์จริง มิใช่จากการอ่าน ความตระหนักรู้ต่อสิ่งที่มากระทบและการรู้เท่าทันอารมณ์ เป็นบททดสอบ คำถามและคำตอบในตัวของมันเองในทุกกิจกรรม การพัฒนาขีดความสามารถโดยมีภูมิคุ้มกันทางจิต มีเหตุมีผล และพอประมาณ เป็นจุดสูงสุดอันเป็นหนึ่งเดียวของสรรพสิ่ง สันติภาพ เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันขณะ ให้ได้เห็น ได้ตระหนักร่วมกัน นี่มิใช่หรือที่โลกต้องการ !
ที่มา Dialogue ใช้ครั้งแรกและค้นพบโดย นักฟิสิกส์ ดร. เดวิด โบห์ม (David Bohm) เขาได้ใช้การสนทนากับเพื่อนของเขาคือ กฤษณมูรติ (J Krishnamurti) เรียกการสนทนานี้ว่า “ Dialogue” เป็นการนั่งล้อมวงสนทนากันอย่างเปิดใจเรียนรู้ซึ่งกันและกัน โดยหลักสนทนาว่า “เมื่อเราตั้งใจฟังอีกคนพูดอย่างจริงจัง เราจะได้ยินเสียงของตัวเราเอง” ผสานเข้ากับพลังของคำถามที่มีคุณภาพ ทำให้วงสนทนายิ่งค้นพบตัวเองมากยิ่งขึ้น
แนวคิด Kindfulness Dialogue เกิดจาก Prof.Thomas Weiser นักดนตรีและอาจารย์มหาวิทยาลัยNaropa, USA ได้ใช้สนทนากับ Dr.Natacha Thamthanapaisarn ผู้ก่อตั้ง The International Buddhist Association for Practice เป็นกระบวนการที่ใช้สื่อสารผ่านการเรียนรู้ภายในด้วยใจที่ใคร่ครวญ ตลอดระยะเวลาทำงาน 7 ปีในไทยและอเมริกาและได้นำหลักสูตรไปพัฒนาต่อยอดให้กับครู อาจารย์ ผู้นำจิตวิญญาณหลายรุ่นในสำนักวิปัสสนาสากล วัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย หลักสูตรเคยใช้ทางการที่ Penang Bodhi Heart Sanctuary Malaysia จากนั้นได้ปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรและร่วมวิพากษ์โดย International Buddhist Collage of Mahachulalongkornrajavidyalaya university ,Thailand และได้นำหลักสูตร ๒ วันใช้ในการอบรมคณะครูของ กทม. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพ ในโครงการ เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศลใน รัชกาลที่ ๙ ปี ๒๕๖๐ นอกจากนั้นยังใช้เป็นหลักสูตรในการพัฒนาบุคลากร ของสถาบันธรรมสุทัศน์ ราชภัฏ นครปฐม โดยทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันจิตตปัญญามหาวิทยาลัยมหิดล ในการอบรมคณะครูอาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏ ทั่วประเทศ
วิวัฒนาการของ Kindfulness Dialogue ได้นำกลับไปใช้ในกิจกรรมให้กับผู้เข้าร่วม ๕๐๐ คนร่วมกับ Sofia University, C.A USA และ Seattle University และได้ใช้ Healing หลายองค์กร ชุมชนไทยในประเทศอเมริกา เช่นวัดพุทธานุสรณ์ แคลิฟอเนียร์ และวนกลับมาใช้กับสถานการณ์ของโลกอีกครั้งในประเทศไทย
วัตถุประสงค์ การทำ Dialogue เพื่อ
- การประสานอย่างลึกซึ้ง (Deep Coordinator)
- การฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening)
- การค้นพบตัวเอง การเข้าใจตัวเองและ การสะท้อน (Reflect)
- การเข้าใจซึ่งกันและกัน (Deep understanding)
- การชำระปมต่างๆ (Emotions reduce)
- จุดเริ่มต้นไปสู่วงจรการเรียนรู้ (Relationship learning)
- การได้เสริมกำลังใจให้กัน การได้มีส่วนร่วม (Encouragement participating)
- การได้จุดประกายความคิดให้กันและกัน ( Wisdom sparking)
- คำพูดที่ได้จากวง Dialogue จะทำให้เราเข้าใจสรรพสิ่งในตัวตน (Clear understanding)
- สร้างสรรค์ความคิดใหม่ในการทำงานเพื่อตนและเพื่อสังคม ( Create Innovating )
- การสร้างทีมงานและการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์สู่ความเป็นหนึ่งเดียว
หลักการของ Kindfulness Dialogue : 6CEMMW
การสร้างอัตลักษณ์องค์กรคือเป้าหมายของการทำงานด้วยความเข้าใจแห่งรัก ผ่านกิจกรรมกระบวนการจิตตปัญญาเชิงพุทธตามหลักธรรม พละ 5 คือ 1. Confidence (ศรัทธา) 2. Effort (วิริยะ) 3. Mindful –Awareness (สติ) 4. สมาธิ (Meditate ) 5.Wisdom (ปัญญา) เข้าสู่กระบวนการกิจกรรม เพื่อสร้างพลังอินทรีย์ (Energy) กระบวนกรดุจกัลยาณมิตร ขับเคลื่อนกระบวนการทุกปัจจุบันขณะ ด้วยอาวุธ ความเข้าใจแห่งความรัก (Loving Kindness) และ ความตระหนักรู้ (Mindful-awareness) ทุกความตระหนักรู้ในกิจกรรม (Active awareness learning)จะเปลี่ยนแปลง Transformative ตกผลึกทางความคิดอย่างใคร่ครวญด้วยโยนิโสมนสิการ (Analytical Thinking ) ออกมาเป็น Take a WoW! “HATORI!“ปิ๊งแว๊ป” ที่เรียกว่า Cognitive strategies process เกิดจิตตปัญญา แท้จริง(The truth) ด้วยเหตุปัจจัย ทุกการเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลง คือสิ่งล้ำเลิศ เป็น ปัญญาญาน ผ่าน กระบวนการบ่มเพาะด้วยองค์รวมของสรรพสิ่งอันเป็นหนึ่งเดียว ที่นำไปสู่เป้าหมายด้วยตัวมันเอง Meaning goal flow พลังของความคิดสร้างสรรค์ที่ตกผลึกคือนวัตกรรม Innovative Kindfulness wake up the world!
กระบวนการของ Kindfulness Dialogue : 3HCM
กระบวนการสื่อสารผ่านการเรียนรู้ภายในด้วยใจที่ใคร่ครวญเป็นกระบวนการจัดการองค์ความรู้ เพื่อการดำรงอยู่อย่างมีประสิทธิภาพของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับโลก ที่เกิดจากการเรียนรู้ด้วยตัวเองในประสบการณ์จริง ที่เกิดจากการทำงานด้วยองค์ประกอบ 3 ส่วนคือ
- Hearing : หมายถึง การได้ยินเสียงอย่างลึกซึ้ง เสียงผู้พูดและเสียงในหัวของตัวเอง มีสติตั้งรับและพร้อมในการห้อยแขวนเสียงของตนเอง การ hearing ที่ดี มี 2 ขั้นตอน คือ
– Observing คือการรับรู้ ยอมรับ เฝ้าสังเกตสิ่งที่มากระทบทางกายและใจ รู้จักปล่อยวาง แยกแยะ
– Deep Listening คือการฟังเสียงภายในด้วยใจที่ใคร่ครวญอย่างลึกซึ่ง ด้วยความรัก ความเมตตา ไม่ตัดสินถูกผิดด้วยความคิดเห็น ในหัวของเรา (voice of judgement) โดยไม่ตอบสนองแบบทันทีทันใด (reacting) ขณะฟังไม่พูดแทรก และ ไม่จมกับเสียงในหัวตัวเองอยู่อย่างนั้น (I-in-me) เพียงแค่ปล่อยผ่าน ห้อยแขวน (suspending) เสียงตัดสินที่เกิดขึ้นในหัวได้ แยกแยะสิ่งที่เป็นประโยชน์และปล่อยทิ้งสิ่งไม่เป็นประโยชน์
- Contemplating (การน้อมสู่ใจอย่างใคร่ครวญ ด้วยการพิจารณา) เป็นกระบวนการต่อเนื่องจากการฟังอย่างลึกซึ้ง ผสานกับประสบการณ์จริงในชีวิต เมื่อเข้ามาสู่ใจแล้ว มีการน้อมนำสู่ฐาน ๔ ฐาน คือ กาย ( Body) เวทนา (Feeling) จิต (Thinking, Mind) และธรรมารมณ์ (Mind object, Emotions) มาคิดใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง โดยอาศัยความสงบ เย็นของจิตใจเป็นพื้นฐาน จากนั้นก็ใคร่ครวญด้วยความรักความเมตตา ก็จะได้ผลเกิดความรู้เห็นแจ้ง
3. Meditating (การเฝ้ามองเห็นตามที่เป็นจริง) การบ่มเพาะ ภาวนา คือ การเฝ้าดูธรรมชาติที่แท้จริงของจิต การเปลี่ยนแปลง ไม่คงที่ ความบีบคั้นจากสภาวะที่เป็นเหตุ ปัจจัย เป็นกระแสที่เลื่อนไหลต่อเนื่อง การบ่มเพาะ ภาวนาฝึกสังเกตธรรมชาติของจิต ทำให้เห็นความเชื่อมโยงจากภายในสู่ภายนอก เห็นความจริงที่พ้นไปจากอำนาจตัวตน Ego ที่ไม่มีอยู่จริงตามธรรมชาติ เป็นเพียง Ignorance การเห็นผิดไปของจิตเท่านั้น ให้มุ่งสู่จิตเดิมแท้ประภัสสร เท่านั้น
วิธีการของ Kindfulness Dialogue = 3MHW
- OPEN MIND การเปิดใจ สนใจใคร่รู้ (curiosity) ทำให้เปิดความคิด (open mind) ไม่ตัดสินเปรียบเทียบยึดติดกับความคิดเดิม เป็นอิสระจากเสียงตัดสินในหัว (voice of judgement) สามารถจดจ่อ จับประเด็น ต่อเนื่องเนื้อหาสาระที่ได้ฟัง (I-in-it) “ฉันไม่ตัดสิน ฉันสนใจอยากฟังสิ่งที่เธอพูด…”
- OPEN HEART ความเมตตา (loving kindness) มีมากพอ ทำให้เปิดใจ (open mind) ข้ามพ้นเสียงเล็กๆ ที่เป็นเสียงแห่งอคติ ความรังเกียจ ดูถูก ดูแคลน (voice of cynicism) ด้วย เผลอไปเปรียบเทียบกับคุณค่าเดิมที่ตัวกู กลุ่มกูยึดอยู่ ให้ความเคารพผู้อื่น กลุ่มอื่น ทำให้สามารถฟังได้อย่างใส่ใจ (empathic listening) เข้าถึงจิตใจ ความรู้สึกของผู้พูด (I-in-you)“ฉันเคารพเธอ และ ฉันเปิดใจฟังเธอ”
- OPEN WILL พร้อมตอบสนองความคิดที่เฉียบคม หลังจากปล่อยผ่านความคิดเชิงลบ Negative Thinking เปิดใจ Positive Thinking ให้ความเคารพ Respect ต่อการฟัง เจตนาที่จะตอบสนองจะเข้าแทนที่ เสียงเล็กๆ ของความกลัว (voice of fear) สามารถฟังได้อย่างผ่อนคลาย สัมผัสรับรู้อย่างเป็นปัจจุบันขณะ เห็นความจริงในตัวเองว่า เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ออกจากอดีต-อนาคต ออกจากตัวฉัน-ตัวเธอ (presencing) เชื่อมต่อกับปัญญาแห่งจักรวาล (wisdom) กล้าพูด กล้าทำ เท่าทันห้วงเวลาแห่งปัจจุบันขณะ (I-in-now) “เมื่อถึงเวลา ฉันจะแสดงออกในสิ่งที่ฉันได้ยิน”
สิ่งที่จะได้
– การค้นพบตัวตนที่แท้จริงด้วยตัวเอง จะสามารถนำสู่ศักยภาพที่แท้จริงของตน
-เปลี่ยนแปลงศักยภาพจากทำได้ดีเป็นทำได้ดีเลิศ
-จุดเปลี่ยนความสำเร็จด้วยความเครียด ขีดจำกัด เป็นความสำเร็จไปพร้อมความสุข
– การค้นหาความเชื่อมโยง ช่องว่าง ที่เหมาะสม กับทุกสัมพันธภาพ
เป้าหมายของกระบวนการ คือคำตอบความสำเร็จของกระบวนกรในตัวเองที่สามารถสนับสนุนการจัดสถานที่ให้ความโปร่ง โล่ง สบาย สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ ให้เกิดความต่อเนื่องของกระบวนการ กระบวนกรสามารถประเมินผลตนเอง ว่ามีความรักความเมตตาและเกิดการใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง มีจุดด้อยจุดแข็งตามความเป็นจริงเพียงใด และสามารถประเมินผลการเปลี่ยนแปลงของผู้เข้าร่วมกระบวนการ จากการสังเกตพฤติกรรมและการแสดงออกที่เปลี่ยนแปลงไป จุดสำคัญอยู่ที่ผู้เข้าร่วมกระบวนการจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงภายในได้ด้วยตนเอง
Be Kindfulnessly every present momentary
Be happily with every surrounding you!
HERE and NOW